The Blue House: แฟนบอลสามแผ่นดิน ยุคสมัยถัดไปของ เชลซี ตอนที่ 1
เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในกรุงลอนดอน โดยปกติแล้ว ความเย็นชื้นราว 7 องศาเซลเซียส จะปกคลุมน่านฟ้า ณ เมืองแห่งนี้ ยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์
ในประเทศไทย เราจะมีวลีฮิตติดปาก สำหรับแฟนบอลของทีมที่อยู่บนตำแหน่งเหนือสุดในตารางว่า ‘หนาวมาก’ ก็มีที่มาจาก ‘ยิ่งสูง ยิ่งหนาว’ นั่นแหละครับ ถ้าในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ก็คงจะเป็น กองเชียร์อาร์เซน่อล ที่ทิ้งห่างไกลถึง 7 แต้ม ก็ต้องขออนุญาตแสดงความยินดีกันก่อนเลยเล็กน้อย
แต่ทีมที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้ คือ คู่ปรับร่วมเมืองของพวกเขาต่างหาก หากเปรียบเปรยกับการ์ตูนในวัยเด็ก ทั้งคู่ก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกับ ‘ทอม แอนด์ เจอร์รี่ โชว์’ เจ้าแมวกับเจ้าหนูเพื่อนบ้านน่ารำคาญ…ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง ‘เดอะ บลูส์’ เชลซี
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เชลซี ที่เพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปใบใหญ่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ได้ไม่ถึง 2 ปีดี กลับกลายเป็นทีมกลางตาราง คว้าไปเพียง 25 คะแนน จาก 48 คะแนนเต็ม รั้งอันดับ 8 ต่ำเสียยิ่งกว่า ฟูแล่ม และห่างจาก ‘ไอ้ปืนใหญ่’ มากถึง 18 คะแนน (ต้องชนะ 6 นัดรวด และจ่าฝูงแพ้หมดถึงจะตามทัน)
สาเหตุหลักที่มองปราดเดียวก็รู้เรื่อง คือ การจากไปของ โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีและอดีตผู้ว่าการรัฐชูค็อตก้า ในประเทศรัสเซีย ผู้เป็นทั้งเจ้าของธุรกิจที่หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล และที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของปวงประชาชาวสิงห์บลู
ทันทีที่ ‘เสี่ยหมี’ ประกาศขายกิจการ จากปัญหาความขัดแย้งด้านการเมืองระหว่างประเทศ (ที่ตัวเขาเองก็ไม่เอื้อมมือไปแตะต้องนานแล้วด้วยนะ) มารีน่า กรานอฟสกาย่า ผู้บริหารสาวสวยคนเก่งก็เปิดประตูเดินออกจากสโมสรไปอีกคน นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของทีม เนื่องจาก ‘เจ๊มารีน่า’ จัดเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการฟุตบอลเลยก็ว่าได้
ในฐานะอดีตที่ปรึกษาส่วนตัวของ ‘เสี่ยหมี’ เธอคนนี้จึงสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการเจรจาเรื่องสำคัญต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก ไล่ตั้งแต่ สปอนเซอร์มูลค่านับพันล้านบาท, การซื้อขายนักเตะที่ทำกำไรให้ เชลซี จนอู้ฟู่เต็มกระเป๋า, การต่อสัญญาผู้เล่นคนสำคัญในทีม หรือกระทั่ง ลดบทบาทและบารมีของพนักงานฝีปากกล้า ในกรณีที่มันอาจส่งผลเสียกับสโมสรในระยะยาว…อีเจ๊คนนี้เอาอยู่หมดครับ
เหตุการณ์ที่ผมพอระลึกออกในเซลล์สมอง 84,000 ล้านเซลล์ ได้ก็ จอห์น เทอร์รี่ อดีตกัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ยังเคยโดนเจ๊แกฟาดเรื่องสัญญา จนต้องถอยกรูดกลับไป
อีกคนที่ยัดบาทาใส่ช้างดาวลาออกจากตำแหน่ง คือ ปีเตอร์ เช็ค อีกหนึ่งนายทวารระดับโลก เจ้าของรางวัลเหรียญทอง UCL ปี 2012 เข้ามาเป็น ผู้อำนวยการเทคนิค ได้เพียงไม่กี่ปี และแสดงผลงานยอดเยี่ยม ทั้งการประสานงานภายใน, จัดการบริหารองค์กรแบบคนรู้ไส้รู้พุง แถมยังช่วยเบรคความฟึดฟัดของอีเจ๊ จนทำให้ เชลซี เดินหน้าไปอย่างมั่นคงมากขึ้น
ยังครับ…ยังไม่หมด เพราะ บรูซ บัค ทนายขรัวเฒ่าวัย 76 ปี ที่อยู่โยงกับสโมสรมาอย่างยาวนาน เขาได้รับการยกย่องว่า เป็นนักกฎหมายที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในสหราชอาณาจักร ทำให้ เชลซี แทบจะหลุดรอดทุกการบีบคั้นและการกลั่นแกล้งโดยรัฐบาล ซึ่งอันที่จริง ‘เสี่ยหมี’ ถูกเพ่งเล็งและโจมตีมาหลายปีแล้วครับ แต่ตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่า ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ ‘สงครามโลกขนาดย่อย’ ระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน ก็คงไม่มีข้ออ้างใดที่จะกักกั้น อับราโมวิช ได้ เพราะทีมงานแต่ละคนของแก มีแต่ระดับปรมาจารย์ยอดฝีมือ
ซึ่งครั้งนี้ ‘ไอ้พวกหน้ากากคนดีย์เมืองอังกฤษ’ อ้างว่า โรมัน อาจส่งเงินสนับสนุนประเทศตัวเองในการก่อการร้าย แม้ว่า ‘เสี่ยหมี’ จะเพิ่งใช้บริการ Mobile Banking โอนเงินช่วยเหลือ ยูเครน ก็ตาม! พวกมันก็ยังขับไล่เขาออกไป พร้อมกับพยายามยัดข้อหา และหมายมั่นจะยึดทรัพย์สินมาเป็นของรัฐบาลตัวเองซะ (ทุเรศและอัปยศจริงๆ อยากได้เงินเขาจนตัวสั่นแล้วอ้างศีลธรรม)
นิติบุคคลที่ซวยที่สุดกลับกลายเป็นสโมสรอย่าง เชลซี ที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็มาเจอความผันผวนที่ควบคุมไม่ได้ แต่เวลาของผมก็หมดแล้ว อย่าลืมว่านี่เพิ่ง EP แรกเท่านั้นนะครับ เดี๋ยวเรามาต่อกันใน EP ถัดไปว่า เจ้าของใหม่อย่าง ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ มีดีอะไร ‘เสี่ยหมี’ จึงเลือกมาเป็นผู้สืบทอด.
เขียนโดย What The Fluke The Lite Team.